อางอิง ๑. ทรงสรรค นิลกำแหง, “น้ำศักดิ์สิทธิ์” โลกประวัติศาสตร ปที่ ๖ ฉบับที่ ๑ (มกราคม – มีนาคม) ๒๕๔๓, หนา ๕-๑๘ ๒. นุชนารถ กิจงาม (บรรณาธิการ) “น้ำศักดิ์สิทธิ์ (ภาคผนวก๓) “ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก : ประวัติศาสตรจากจารีตประเพณี จากพระราชนิพนธ “ยอพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา นภาลัย รัชกาลที่ ๒” พระราชนิพนธในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกลา เจาอยูหัว รัชกาลที่ ๓ , กรุงเทพ : บริษัทเอดิสัน เพรสโพรดักส จำกัด, ๒๕๔๖ ๓. ตรี อมาตยกุล, “สระแกว สระคา สระยมนา สระเกต” โบราณวิทยา เรื่องเมืองอูทอง ,พระนคร : หางหุนสวนจำกัดศิวพร, ๒๕๐๙ ๔. ส.พลายนอย, “น้ำสรงมุรธาภิเษก “ศิลปวัฒนธรรม ปที่ ๑๓ ฉบับ ที่ ๗ (พฤษภาคม ๒๕๓๕) ,หนา ๑๐๔-๑๑๓ ๕. มนัส โอภากุล, ประวัติศาสตรและโบราณคดีเมืองสุพรรณบุรี กรุงเทพ : จินดาสาสนการพิมพ, ไมปรากฏปพิมพ ๖. วารุณี โอสถารมย, เมืองสุพรรณบนเสนทางการเปลี่ยนแปลงทาง ประวัติศาสตร พุทธศตวรรษที่ ๘ – ตน พุทธศตวรรษที่ ๒๕ , กรุงเทพ : โรงพิมพมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร, ๒๕๔๗ ๗. อัตถสิทธิ์ สุขขำ และ เยาวลักษณ บุนนาค , รายงานเบื้องตน การดำเนินงานทางโบราณคดี สระศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ ประจำป งบประมาณ ๒๕๔๙ , เอกสารพิมพคอมพิวเตอร, ๒๕๔๙ เอกสารชั้นตน ๑. หอวชิรญาน แผนกตัวเขียนและจารึก หอสมุดแหงชาติ, จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๔ จ.ศ.๑๒๑๗ (พ.ศ.๒๓๙๘) เลขที่ ๖๘ เรื่องหนังสือถึงพระยาสุพรรณบุรี ใหนายกองชางถือหนังสือมา ตองพระประสงคน้ำ ๒. หอวชิรญาน แผนกตัวเขียนและจารึก หอสมุดแหงชาติ, จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๔ จ.ศ.๑๒๒๒ (พ.ศ.๒๔๐๓) เลขที่ ๑๕๙ เรื่องหนังสือพระศรีสหเทพราช ปลัดกรมมหาดไทยมาถึงพญาสุพัน ๓. หอวชิรญาน แผนกตัวเขียนและจารึก หอสมุดแหงชาติ, จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๔ จ.ศ. ๑๒๑๖ (พ.ศ.๒๓๙๗) เลขที่ ๔๑ เรื่องรางตราถึงพระยาสุพรรณ เรงใหทำพระปรางคทั้งสี่สระ ๔. หอจดหมายเหตุแหงชาติ, จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๔ จ.ศ. ๑๒๒๖ เลขที่ ๖๑ เรื่องสารตราถึงเมืองสุพัน ใหหมายขุนพิไชย ฤกษโหร ออกไปตักน้ำ สระแกว คา ยมนา เกษ ปชวด ๕. หอจดหมายเหตุแหงชาติ, ใบบอกเมืองสุพรรณบุรี วันอาทิตยที่ ๑๕ กันยายน ร.ศ.๑๐๘ รหัสเอกสารที่ ร.๕ ม.๒.๑๒ ก/๔ ๖. หอจดหมายเหตุแหงชาติ,ขาวตัดหนังสือพิมพ (๒ พ.ค. ๒๔๗๑ – ๑๖ พ.ย. ๒๔๗๒) รหัสเอกสาร ร.๗ ม.๒๖.๕ ก/๙
สระศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ในอดีต พื้นที่บริเวณแหลงน้ำสระศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ ซึ่งมีความสำคัญ มาตั้งแตสมัยอยุธยานั้น สันนิษฐานวาคงมีการแตงตั้งเจาหนาที่ ผูดูแลรักษาสระมาตั้งแตแรก เพื่อปองกันไมใหเจาเมืองอื่นมา ลักลอบตักน้ำไปใช แตก็ไมปรากฏรายชื่อผูรักษาสระอยาง ชัดเจน ตอมาในสมัยรัชกาลที่ ๓-๔ เริ่มพบเอกสารจดหมายเหตุ กลาวถึง ชื่อของ “ขุนคงคา” วาเปนผูดูแลรักษาสระศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสี่ โดยมีเลกในสังกัดจำนวนหนึ่งในเขตชุมชนโดยรอบ เพื่อ ชวยกันดูแลรักษาสระเหลานี้ สำหรับตำแหนงพนักงานดูแลพิทักษสระนั้น มีการรับ ราชการติดตอกันเรื่อยมา จนกระทั่งถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จ พระปกเกลาเจาอยูหัว จึงไดยุบเลิกตำแหนงดังกลาว
อรุณศักดิ์ กิ่งมณี จบการศึกษาปริญญาตรีและโท จากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร สนใจเปนพิเศษเกี่ยวกับเรื่องเทพฮินดู รวมถึงประติมานวิทยาของพุทธและฮินดู ปจจุบันรับราชการตำแหนง นักโบราณคดีชำนาญการพิเศษ สำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี
Powered by FlippingBook