เมื่ อสงกรานต ป ๒๕๑๔ ตอนที่ คณะของเราไปแข งรถ “เอสโซ ขั นโตก แรลลี่ ครั้ งที่ ๑” (หาอ านได ในเล ม ๔/๒๕๕๖) แล วไม มี ที่ พั กค างคื นในเชี ยงใหม เลยต องขั บต อไปอย างไร จุ ดหมาย ..ขอคั ดความเดิ มมาให อ านสั ก เล็ กน อย “เราทั้ ง ๔ คนต องเก็ บของ ออกเดิ นทางอี กครั้ ง..อย างไร จุ ดหมาย พ อเป นคนขั บวิ่ งขึ้ นเหนื อ ไปเรื่ อยๆ ๓ คนที่ เหลื อปล อยให พ อขั บคนเดี ยว แล วเล นเกมซ อน ตาดำ (หลั บ) กั นทั้ งคั น สะดุ งตื่ น เมื่ อผมรู สึ กอยากยิ งกระต ายจนทน
ผู เขี ยนกั บแม และน องสาว
ไม ไหว บอกพ อขอหยุ ดรถลงไปปลดทุ กข (เบา) หน อยได ไหม ...ทุ กคนในรถรวมทั้ งพ อเห็ นด วยจึ งเบรก..ทั นที ที่ รถหยุ ดผม เป ดประตู ลงไปเป นคนแรก.. สิ่ งที่ เห็ นข างหน าช างสวยงาม แสงแดดยามเช าต องหมอกบางๆ...อากาศสดชื่ นสุ ดๆ เราทั้ ง สี่ คนออกจากรถยื นเรี ยงกั นอยู บนชั ยภู มิ ที่ คิ ดว าเหมาะแล ว คื อข างหุ บเหวตื้ นๆ แล วรู ดซิ บกางเกงปลดทุ กข อย างมี ความสุ ข ทั นใดนั้ นเองมี เสี ยงหั วเราะประสานกั นอย างขบขั น (แกมอาย) พวกเราที่ ก มหน าก มตาปลดทุ กข อยู นั้ นลื มตาเห็ นกลุ มหญิ ง สาว (สวย) หั นหน ามามองเราเต็ มสองตา เท านั้ นแหละหนุ ม น อยหนุ มใหญ ไม ทั นรู ดซิ บ รี บกระโดดขึ้ นรถ ขั บออกไปโดย ไม ได ร่ ำลาแม หญิ งเลย..เสี ยมารยาทจริ งๆ” เห็ นไหมครั บการปลดทุ กข ในสมั ยนั้ นมี อุ ปสรรคมากมาย นี่ เป นผู ชายนะ ถ าเป นผู หญิ งจะหนั กกว านี้ อี ก เวลาพ อพาเราทั้ งครอบครั ว คื อ พ อ แม และลู กทั้ ง ๓ คน (อาจมี น าสาวอี กคน) เหตุ โกลาหลจะเกิ ดขึ้ นทั นที เมื่ อแม หรื อ น าอยาก “เก็ บดอกไม ” ขึ้ นมา รถของเราจึ งต องมี เสื่ อจั นทบู ร ใส ไว ท ายรถด วยเสมอ เวลาคุ ณผู หญิ งทั้ งหลายปวดท องขึ้ นมา คุ ณผู ชายและคนที่ เหลื อจะยื นหั นหลั งถื อเสื่ อล อมวงป ด คุ ณผู หญิ งผู กำลั งปลดทุ กข เบาอยู ...เท านี้ ก็ สิ้ นเรื่ อง มี อยู ครั้ งหนึ่ งเกิ ดเรื่ องขึ้ นจนได เมื่ อพ อเค าอยากเป น ลู กผู ชายเอาใจนั กร องสาว (ตอนนั้ นแม ไม ได ไปด วย ฮ าฮ าฮ า) ที่ ขอติ ดรถจากภู เก็ ตกลั บกรุ งเทพฯ พอขึ้ นเจ าม าป า (มั สแตง) สี แดงเพลิ งได เท านั้ นแหละ พ อก็ เหยี ยบคั นเร งอย างมื ออาชี พ ล อเข าไปเกื อบ ๒๐๐ กิ โลเมตรต อชั่ วโมง ..ตอนแรกสาวเจ า
ที่ นั่ งข างหน ากั บพ อไม อยากรั ดเข็ มขั ดนิ รภั ย แต พอนั่ งไปสั ก ครึ่ งชั่ วโมงก็ เปลี่ ยนใจรี บรั ดเข็ มขั ดฯ มื อไม สั่ น ...พอเริ่ มขึ้ นเขา พั บผ า (สมั ยนั้ นไม มี ทางเลี่ ยงต องขึ้ นเขา ๑,๐๐๐ โค งอย างเดี ยว) พ อพา “มั สแตง” หั กพวงมาลั ยเข าโค งเสี ย ๒๐ โค งซ อน แต ละ โค งมี ถนนตรงไม ถึ ง ๒๐๐ เมตร แล วเป นโค งหั กศอก (ไม งั้ นจะ เรี ยก “เขาพั บผ า” ได อย างไร) ถึ งตอนนี้ สาวเจ าเริ่ มหน าซี ด ปากคอสั่ นขอร องให “พี่ สรรพ ” จอดรถเพราะกลั วจน!!!จะราด แล ว (ก็ พ อเล นขั บเข าโค งแค ๑๐๐ กิ โลเมตร/ชั่ วโมงเอง) พ อกลั ว!!!จะราดจริ งๆ จึ งต องยอมจอดแล วหารถประจำทาง (เวลานั้ นไม มี รถทั วร ) ให สาวเจ ากลั บกรุ งเทพฯ เอง (ออกเงิ น ค ารถให ด วย) ย อนกลั บมาเหตุ การณ ที่ เราทั้ งสี่ คนออกเดิ นทางจาก เชี ยงใหม หลั งจากจบการแข งขั น “เอสโซ ขั นโตก แรลลี่ ” แล ว วิ่ งรถขึ้ นเหนื อ ท านผู อ านคงเดาถู กนะครั บว า เรามาถึ งจั งหวั ด อะไรผมจะบอกให ว า เมื่ อเราทั้ ง ๔ คนอั บอายขายหน าที่ ออก ไป “ยิ งกระต าย” ไม ได ดู ตาม าตาเรื อเสี ยก อนเราก็ ขึ้ นรถมุ งหน า สู “แม ฮ องสอน” หลั งจากรถวิ่ งโค งไปโค งมาเกื อบชั่ วโมงเราก็ มาถึ งตั วเมื องแม ฮ องสอน มี ป ายบอกทางที่ เริ่ มเป นทางตรงว า เหลื ออี กแค ๑๐ กิ โลเมตรเท านั้ น (เหนื่ อยแทนพ อจริ งๆ และ ภู มิ ใจด วยว าไม เกิ ดอุ บั ติ เหตุ เลย เพราะทั้ งรถและคนขั บสภาพ เยี่ ยมมากถึ งแม จะขั บมาตลอดคื นก็ ตาม เอาไว จะเขี ยนบอกวิ ธี ขั บรถให ปลอดภั ยบนภู เขาที่ พ อสอนผมไว ให อ าน ..เล มนี้ เอา แค เรื่ อง “สุ ขา..สุ ขา” ก อน)
Powered by FlippingBook