Quarter 2/2015

เวลาที่เรารักใครสักคน สิ่งที่อยูลึกลงไปในหัวใจ ของเรากลาววา คุณสำคัญมากพอๆ กับฉัน ครั้น ความรักลึกซึ้งมากขึ้น เราจะกลาววา คุณสำคัญยิ่งกวา ฉันเสียอีก ถาเกิดเหตุวิกฤติ ฉันยอมตายได เพื่อใหคุณ รอดชีวิต สิ่งมีชีวิตทุกชนิดยอมรักชีวิตของตน เราตองเริ่ม จากการรักตัวเองกอน เพราะเราใกลชิดกับตัวเองมาก กวาใครอื่น ครั้นเมื่อเรารักคนอื่น แลวพรอมจะสละชีวิต เพื่อคนที่เรารัก ณ จุดนั้น เราเริ่มใหความสำคัญกับ คนอื่นมากกวาตัวเองแลว และหากความรูสึกอันดีงามนี้ สามารถแผขยายออกไปสูผูคนที่เรารักนอยลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงคนที่เราเกลียด ...ไมนานนัก เราจะเลิกมอง ตัวเองเปนศูนยกลาง แลว ตัวเรา ก็จะเริ่มหายไป จนกลายเปนเพียง ที่วางบริสุทธิ์ นี่คือสภาวะที่ พระพุทธองคทรงใชคำวา อนัตตา ซึ่งหมายถึง ความ ไมมีตัวตน ความสุขไมใชคุณสมบัติของความคับแคบ ความสุข คือคุณสมบัติของความเปดกวางไรขอจำกัด เมื่อตัวเรา กวางใหญไพศาลจนสรรพสิ่งทั้งมวลเขามาอยูในตัวเราได เมื่อนั้นเราจึงจะมีความสุขได ดังนั้น... เมื่อใกลจะหลับไป ทำใจใหเปนสุข ตั้งความปรารถนาแนวแน แผความสุขนั้นออกไปรอบ ดาน ไมมีขอบเขต ไมมีประมาณ ไมเลือกที่รักมักที่ชัง ครอบคลุมทุกชีวิต ทั้งพอแม พี่นอง ญาติ และมิตรสหาย เพื่อนรวม โลกทั้งที่คุนเคยหรือหางไกล ไมวาสนิทสนมหรือเคยคิดเห็นขัดแยง ขอใหทุกผูคน สัตว เปนสุขปราศจากทุกขภัย.

ชีวิตที่ยึดติดถือมั่นอยางแรงในสิ่งตางๆ ที่หลงคิด วาจีรังยั่งยืน เปนชีวิตที่มีความทุกขมาก เพราะความ เปลี่ยนแปรไปของสิ่งที่ยึดถือ หลงรักกอดรัดไวนั่นเอง ชีวิตที่ประกอบดวยปญญา รูทันสภาวะของสิ่ง ทั้งหลายวาเปลี่ยนแปรไปได ยอมเปนชีวิตที่ทุกขนอย มีความสุขสงบใจมาก และเปนชีวิตที่พึงปรารถนา มนุษย สัตว เกิดโดยกามและอยูในกาม แตมนุษย จะตองเติบโต กามของมนุษยจะตองพัฒนา เชนที่เด็ก จะตองเติบโตเปนผูใหญ เด็กที่ไมรูจักโตนั้นผิดธรรมชาติ และผิดธรรมะ กามของมนุษยที่คงรูปแบบสัตวก็ผิดธรรมะ และเปนสาเหตุแหงปญหา เมื่อผูคนมุงเสวยกามรสเฉพาะตน ใชคูสมสูเปน เพียงวัตถุเพื่อบรรลุผล เขายังอยูในกรอบสำนึกแคบ เชนสัตว เพราะยังไมเติบโตทางจิตใจ ที่จะเห็นและคารวะ คุณคาของมนุษยในมนุษย และยังไมรูจักที่จะรัก แมปาก จะพร่ำเพอคำวารักเพียงใด ความรัก ความใคร เปนของคูกันในชีวิตผูคน เปนสิ่งที่มีรากฐานลึกซึ้งในธรรมชาติของชีวิตและจิตใจ เปนสิ่งที่จะตองเผชิญดวยสติรอบคอบระมัดระวัง ความรักเปนการแผขยายของดวงใจที่อิ่มเอิบงดงาม ความใครเปนการเรียกรองตามความปรารถนาของ เนื้อหนัง ความรักเปนของทิพยชโลมใจ ความใครเปน อาหารของรางกาย ความรักเปนบุปผาผลิบานสะพรั่ง ความใครเปน รากในปุยและดิน ความรักที่ปราศจากความใคร อาจไกลเกินไป สำหรับหลายคน แตความใครที่ปราศจากความรักนั้น เปรียบเหมือนน้ำทะเล แกความกระหายของคนเรือแตก ไมได ยิ่งดื่มกินเขาไป ก็ยิ่งตายเร็ว เมื่อดำเนินชีวิตเปนโสด จะสนองตอบความ เห็นแกตัวอยางไรก็ได แตประสบการณชีวิตจะยืนยันวา นั่นแหละคือสาเหตุแหงความทุกขทั้งของตนเองและผูอื่น การมีคูครองเปนโอกาสใหจิตใจไดพัฒนาขยายกวางขึ้น ในเชิงคุณธรรมความดีงาม คือจะไดรูจักรักผูอื่นอยาง ที่รักตนเอง เมื่อมีลูก เกิดความรัก เอื้ออาทร หวงใยลูก ก็จะสำนึกในความรักที่บิดามารดาเคยมีตอตน และเริ่ม เรียนรูคุณคาความสัมพันธอันดีงามที่มนุษยทั้งหลาย ควรมีตอกัน ความรักระหวางเพศนี่แหละ สามารถใช เปนพื้นฐานการพัฒนาชีวิตจิตใจขึ้นสูระดับคุณธรรม ความดีงามสูงสุดที่มนุษยพึงบรรลุถึงได

... ระวี ภาวิไล

ศาสตราจารยเกียรติคุณ ดร.ระวี ภาวิไล เปนราชบัณฑิต อาจารยคณะวิทยาศาสตร

จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และเปนนักวิชาการดานดาราศาสตร มีผลงานประพันธและงานแปลมากมาย ทั้งดาน วิทยาศาสตร พุทธศาสนา วรรณกรรม และปรัชญา

Powered by