â´Â ÃͧÈÒʵÃÒ¨Òùѹ·Ò ¢Ø¹ÀÑ¡´Õ
เดือน ๖ เดือน ๘ เดือน ๑๐ และเดือน ๑๒ วันสิ้นเดือนตรงกับ วันแรม ๑๕ ค่ำ แตถาเปน เดือนขาด หรือ เดือนคี่ หมายถึงเดือน ที่มี ๒๙ วัน คือเดือนอาย เดือน ๓ เดือน ๕ เดือน ๗ เดือน ๙ และ เดือน ๑๑ วันสิ้นเดือนตรงกับแรม ๑๔ ค่ำ ซึ่งวันสิ้นเดือนที่ตรงกับ วันแรม ๑๔ ค่ำหรือแรม ๑๕ ค่ำนี้เรียกไดอีกอยางหนึ่งวา วันดับ ทั้งนี้แตละเดือนมี ๒ ปกษ กึ่งเดือนขางขึ้นเรียก กุศลปกษ หมายถึง ฝายขาว เนนเอาที่แสงเดือนสวาง สวนกึ่งเดือนขางแรมเรียก กาฬปกษ หมายถึงฝายดำ เนนเอาที่เดือนมืด วันพระ นับจากการโคจรของดวงจันทรกับโลกลอมกัน ตั้งแต พระจันทรขึ้นถึงพระจันทรดับ เริ่มขึ้น ๑ ค่ำจนเต็มดวงเปน กลาง เดือนขึ้น ๑๕ ค่ำ แลวคอยดับทีละนอยจนดับทั้งดวงเปน สิ้นเดือน แรม ๑๕ ค่ำ จันทรคติ เปนวิธีนับวันอยางหนึ่งโดยถือเอาการ เดินของดวงจันทรเปนหลัก (คูกับ สุริยคติ ซึ่งเปนวิธีนับวันอยาง ปจจุบัน โดยถือกำหนดองศาของดวงอาทิตยเปนหลัก) เดือนคูหรือ เดือนเต็มมี ๖ เดือน เดือนละ ๓๐ วัน รวม ๑๘๐ วัน เดือนคี่หรือ เดือนขาดมี ๖ เดือน เดือนละ ๒๙ วัน รวม ๑๗๔ วัน รวมทั้งป จันทรคติมี ๓๕๔ วัน (นอยกวาปสุริยคติที่มี ๓๖๕ วัน ซึ่งหากปใด มีวันอธิกสุรทินหรือวันที่เพิ่มขึ้นในปสุริยคติ คือในปนั้นเพิ่มวันเขา ในเดือนกุมภาพันธอีกวันหนึ่งเปน ๒๙ วัน ปนั้นก็จะมี ๓๖๖ วัน) ดังนั้นเมื่อปจันทรคติผานไป ๓ ปจะมีเดือนอธิกมาสเพิ่มขึ้นในป จันทรคติ ๑ เดือน ในปนั้นจะมี ๑๓ เดือน เปนเดือน ๘ สองหน เรียกวาเดือน ๘ สอง ๘ และบางปก็มีอธิกวารเปนวันที่เพิ่มขึ้นใน ปจันทรคติ คือในปนั้นเดือน ๗ ซึ่งปกติเปนเดือนขาดก็กลายเปน เดือนเต็มมี ๓๐ วัน วันพระถือเปนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะวัน ขึ้นหรือแรม ๑๕ ค่ำ หรือหากเปนเดือนขาดก็แรม ๑๔ ค่ำ เปนวันที่ พระลงอุโบสถฟงพระปาติโมกขที่มีพระพุทธานุญาตใหสวดในที่ ประชุมสงฆทุกกึ่งเดือน และเปนวันประชุมสำคัญของพุทธศาสนิกชน เพื่อปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาประจำสัปดาห โดยตั้งใจ
ผูคนสวนใหญในสังคมยอมคุนเคยกับปฏิทินเพื่อดูวันเดือนป ทั้งที่เปนแผนพก เปนฉบับ เปนอัน หรือเปนเลมซึ่งเปนปฏิทินหลวง พระราชทานสำหรับความสุขปใหม หากสังเกตปฏิทินบางฉบับ จะพบสัญลักษณพระพุทธรูป หรือดวงจันทรครึ่งดวงและเต็ม ดวง มีตัวอยางดังนี้ ถาเปนดวงจันทรครึ่งดวงสีเหลือง รูปครึ่ง วงกลมซีกขวา จะมีคำอธิบายใตวันที่นั้นวา “ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน...” ถาเปนดวงจันทรเต็มดวงสีเหลือง จะมีคำอธิบายใตวันที่นั้นวา “ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน...” ถาเปนดวงจันทรครึ่งดวงสีดำรูปครึ่งวงกลม ซีกซาย จะมีคำอธิบายใตวันที่นั้นวา “แรม ๘ ค่ำ เดือน...” หรือ ถาเปนดวงจันทรเต็มดวงสีดำ ก็จะมีคำอธิบายใตวันที่นั้นวา “แรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ เดือน...” เปนตน วันพระบนปฏิทินไทย จากคำอธิบายใตวันที่ของแตละเดือนดังกลาวขางตน ทำให ผูดูปฏิทินที่เปนพุทธศาสนิกชนระลึกไดวาวันนั้นคือ วันพระ ซึ่งเปน วันที่มีกำหนดในปฏิทินจันทรคติ ปรากฏเดือนหนึ่งมี ๔ วัน คือวัน ขึ้น ๘ ค่ำ ขึ้น ๑๕ ค่ำ แรม ๘ ค่ำ และแรม ๑๕ ค่ำ ในกรณี เดือน เต็ม หรือ เดือนคู ซึ่งหมายถึงเดือนที่มี ๓๐ วัน คือเดือนยี่ เดือน ๔
Powered by FlippingBook