Quarter 3/2013

อายุราว พ.ศ. ๖๐๐ ในตำบลพงตึก อำเภอทามะกา จังหวัด กาญจนบุรี (ปจจุบัน จัดแสดงอยูที่พิพิธภัณฑสถานแหงชาติ พระนคร) สันนิษฐานวาเปนตะเกียงที่หลอขึ้นจากประเทศอียิปต สมัยที่ถูกปกครองโดยโรมัน และนำเขามาโดยพอคาอินเดีย เนื่องจากตำบลพงตึก เปนเสนทางการคาขายที่ชาวอินเดียใช ตะเกียงที่ใชกันแตโบราณของไทยนั้น เราเรียกวา “ประทีป” โดยเริ่มแรกเปนตะเกียงที่ทำจากเครื่องปนดินเผา มีรูปทรงงายๆ คลายถวยสำหรับใสน้ำมัน และมีพวยสำหรับสอดไสซึ่งทำดวย ดายดิบหลายเสนฟนเขาไวดวยกัน ในหนังสือ วชิรญาณวิเศษ ซึ่งมีการบันทึกเรื่อง “ประทีปโคมไฟ” โดยหมอมเจาประภากร ไดกลาวถึงการใชตะเกียงวาคนไทยโบราณใชตะเกียงน้ำมันมะพราว น้ำมันปลา เปนสวนใหญ จนกระทั่งเมื่อชาวตางชาติเขามาและ นำเทียนไขมาขาย จึงทำใหคนไทยรูจักเทียนไขและไดกลายเปน ของใชที่นิยมกันไปทั่วทุกบานเรือน และเมื่อสยามเปดประตูบานรับชาวตะวันตก สิ่งประดิษฐ สมัยใหมก็พากันเดินพาเหรดเขามาใหชาวสยามไดทำความรูจัก เลือกใช และแนนอน หนึ่งในของใชที่จำเปนเหลานั้นยอมมี “ตะเกียง” รวมอยูดวย โดยการเขามาของ “น้ำมันกาด” ทำให ชาวไทยไดรูจักกับ “ตะเกียงเจาพายุ” ตะเกียงที่ใชน้ำมัน จุดไสใน ครอบแกว เมื่อเผาไสแลว สูบลมใหดันน้ำมันเปนไอขึ้นไปเลี้ยง ทำใหเกิดแสงสวางนวลจา ธุรกิจการนำเขาน้ำมันกาดสูสยามประเทศนั้นเริ่มตนในสมัย รัชกาลที่ ๕ ซึ่งหนึ่งในบริษัทตางชาติที่นำเขาน้ำมันกาด คือ บริษัท แสตนดารดออยลแหงนิวยอรก เขามาเปดสาขาในประเทศ ไทย เมื่อป พ.ศ. ๒๔๓๗ โดยตั้งอยูที่ตรอกกัปตันบุช น้ำมันกาด ที่บริษัทฯ นำเขามาจำหนายคือ น้ำมันกาดตราไก และตรานกอินทรี และนับจากวันนั้นมา บริษัท แสตนดารดออยลแหงนิวยอรก ก็อยูคูกับชาวไทยมาตลอด โดยมีการปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทไปตาม ธุรกิจที่เติบโตอยางมั่นคง พรอมรวมสงเสริมคุณภาพชีวิตชาวไทย ไปกับการพัฒนาประเทศ หลังจาก โธมัส เอดิสัน ไดจดทะเบียนสิทธิบัตรหลอดไฟฟา นับจากนั้น โลกก็เขาสูยุคแสงสวาง มนุษยกลับกลายมาเปนสัตวโลก ที่กลัวความมืดมิด และ “ตะเกียง” ก็กลายเปนของเลนราคาแพง ซึ่งรวมทั้งกระปองน้ำมันกาด ตราไก ที่ยังพอมีใหซื้อหากันเฉพาะ กลุมผูนิยมของเกาเทานั้น

จนเมื่อโลกเขาสูยุคสมัยใหม มีการขุดพบน้ำมันปโตรเลียม จากพื้นดิน ประดิษฐกรรมตะเกียงก็รุดหนาขึ้นเรื่อยๆ มีการจด ทะเบียนตะเกียงมากมายหลายรอยแบบในชวงป พ.ศ. ๒๔๐๓ – ๒๔๒๓ (เทียบเทาสมัยรัชกาลที่ ๔ และ ๕ ของไทย) และแบบหนึ่ง ที่รูจักกันดีไปทั่วโลก คือ “ตะเกียงเจาพายุ” ซึ่งไมเพียงนำไปใช ในบานเรือน แตยังใชเปนโคมไฟหอยตามถนน รวมถึงประภาคาร เพื่อสองแสงเตือนภัยถึงหินโสโครกใหเหลาเรือที่ลองในมหาสมุทร คนไทยกับตะเกียง ชวงเวลาที่อารกองด คิดประดิษฐตะเกียงซึ่งถือเปนตนแบบ ตะเกียงสมัยใหม ตรงกับรัชกาลที่ ๑ สมัยกรุงรัตนโกสินทร แตคนไทยรูจักตะเกียงมาแตโบราณเชนเดียวกับคนชาติอื่นๆ หนึ่งในหลักฐานที่ยืนยันไดคือ การขุดพบตะเกียงโรมันสัมฤทธิ์

ขอขอบคุณ

- พิพิธภัณฑอยูสุขสุวรรณ คุณณรงค อยูสุขสุวรรณ - คุณกาญนฏิมา วงษดี

Powered by