ขบวนรถยนต พระที่ นั่ ง เสด็ จประพาสเมื องฮอมเบิ ค เพื่ อทรงแวะอาบน้ ำแร
“พ อต องตื่ นแต เช าตามที่ หมอกำหนด เวลาสองโมงออกไป เดิ นจนตลอดสวนทั้ งไปทั้ งมา แล วจึ งได ไปกิ นน้ ำแร ที่ ศาลากิ นน้ ำ อย างวั นก อน เรื่ องกิ นน้ ำแร นี้ พ อมี ความเลื่ อมใสมาก เห็ นดี กว า น้ ำแร ที่ เคยกิ นมาแต ก อนๆ บางที มั นจะแอ กต ดี ได ด วยเดิ นมาก อี กอย างหนึ่ ง มี คนไปกิ นเปนกองตั กไม ได หยุ ด วั นนี้ กิ นถ วยเดี ยว เพราะเหตุ ที่ ไม ได อาบน้ ำแร ออกจากที่ กิ นน้ ำเดิ นไปที่ อิ นฮะเลชั่ น คื อเปนโรงสำหรั บสู ดไอน้ ำเข ากระโจม แต ข อตี นพ อเพลี ยเต็ มที เดิ นไม ไหวต องเรี ยกรถมาขึ้ นไป เพราะระยะทางมั นไกล ผ านน า โรงอาบน้ ำแร ของคนจนซึ่ งรั ฐบาลสร างให เปนทาน ใครจะมาอาบ ก็ มาได ไม ต องเสี ยเงิ น ที่ พ อไปเข าวั นนี้ พอไปถึ งมี ผู หญิ งมาแต งตั ว ให เอาเสื้ อผ าดิ บยาวกรอมลงไปจนถึ งตี นมาสรวมให “... ในห องนั้ นมี โต ะเก าอี้ ตั้ งรายรอบผนั งห อง ที่ เพดานมี ท อ เหล็ กใหญ ประมานสั กสองกำยื่ นออกมา แล วมี ท อขวางเปนคอนนก ปลายคอนนกนั้ นมี เปนกระทะสองใบคว่ ำเข าหากั น ต อจากกระทะ นั้ นมี ท อเหล็ ก ล ามเข าไปหาท อทองเหลื องกลาง น้ ำนั้ นต มมาจาก ที่ อื่ นเปนสติ มเดิ นมาตามท อ ควั นออกจากช องซึ่ งเจาะไว ตามท อเล็ ก แต น้ ำนั้ นตกลงไปตามท อทองเหลื องที่ รั บอยู ข างล าง มี ควั นก็ ไม มาก นั กอ อนกว าเข ากระโจมเปนหนั กหนา เหงื่ อไม ออก กลิ่ นของน้ ำต ม นั้ นเหมื อนอย างกลิ่ นไม สนคื อฉุ นๆ มี กลิ่ นการบู รนิ ดๆ แต นั่ นแหละ เต็ มที่ เหลื อใจ ที่ ต องนิ่ งอยู เปนชั่ วโมงหนึ่ งไม มี อะไรจะทำ ถ าให สู บบุ หรี่ เสี ยก็ จะไม สู กระไร นี่ บุ หรี่ ก็ ไม ให สู บ หาหนั งสื ออ านก็ ไม มี มี แต หนั งสื อเยอรมั นอ านไม ออก หาภาษาอั งกฤษไปได โนเวลขาดๆ อะไรมาต อกั นไม ติ ด แต ก็ ต องขื นใจอ าน เบื่ อเหลื อเบื่ อที่ นั่ งอยู ใน ห องนั้ นไม เห็ นจะมี คุ ณค าอะไร พอแล วเสร็ จร องสิ้ นเคราะห ได เข าไปดู ที่ ห องกลางๆ เขามี เปนไส ไก ลงมาตั้ งเรี ยงเปนแถว มี คน เข าไปอ าปากรั บควั นไอน้ ำก็ มี ให ควั นเข าทางจมู กก็ มี ตาหมอแก อยากเอาพ อไปที่ นั่ น แต ว าคนมากจึ งเอาพ อไปรมเปล า แลทั้ งเปน วั นแรกที่ จะให ค อยเปนค อยไปด วย กลั บมาอยู ที่ พั กจนถึ ง ๕ โมง” ถนนในเมื องบาเดนบาเดนนี้ แปลกประหลาดกว าที่ อื่ นๆ ก็ คื อ ใช เกาะกลางถนนเป นเส นทางคนเดิ นสั ญจรไปมา มี ปลู กต นไม
“... แรกไปถึ งเข าไปในห องอาบน้ ำห องหนึ่ งซึ่ งเรี ยงเปนแถวกั น อยู นั้ น ในห องนั้ นมี สระน้ ำลึ กพอนั่ งเสมอน าอก ที่ ตรงกลางมี เปนบั ว น้ ำร อนผุ ดขึ้ นมาปุ ดๆ มี ท อทองเหลื องสำหรั บน้ ำล นไม ให มากเกิ น ขนาด ตั้ งเตี ยงปู ผ าไว สองเตี ยง มี บั วสำหรั บอาบรดล างหั วได ข างหนึ่ ง พอไปถึ งก็ เอาปรอทลงน้ ำให อุ นได ๓๐ ดี กรี เซนติ เกรดแล วผลั ดน้ ำ ผ านั้ นเปนผ าขาวลิ นิ นขนาดขาวม า ผู หญิ งห มอย างแคบ ติ ดหู เหมื อนอั งษะทั้ งข างบนข างล าง เปนผ านุ งอาบน้ ำ เอาพั นตั วเข า แล วต องเอาหางหู นั้ นผู ก ดู ช างประดั กประเดิ ดยากจริ งๆ แล วลงนั่ ง แช อยู ในน้ ำกำหนด ๑๐ มิ นิ ต เมื่ อครบ ๑๐ มิ นิ ตแล วมี เจ าพนั กงาน ซึ่ งเอาผ าผึ่ งบนศิ ลาให อุ นแล วนั้ น เข ามาคอยที่ อั ฒจั นท จะขึ้ นพอ ก าวกระไดขึ้ นมาก็ เข าเปลื้ องผ า แล วเอาผ านั้ นคลุ มตั วจั บเช็ ดแตะๆ แล วพาขึ้ นบนที่ นอน ปล อยให นอนอยู เช นนั้ นเกื อบชั่ วโมงหนึ่ ง เกณฑ ให เคลิ้ ม ไม ให พู ดจาอะไรหมด ก็ ได เคลิ้ มให แกตามประสงค รู สึ กเหมื อนเด็ กอ อนที่ เขามั ดไว กั นผวาออกรำคาญ แต ได ทนนอน ให จนถึ งกำหนด พอถึ งกำหนดหมอเอาน้ ำแร เข ามาให กิ นอี กถ วยหนึ่ ง แล วจึ งได เปลื้ องผ าออกนวดอย างฝรั่ ง มี แป งนอนมาตลั บหนึ่ ง เอา แป งนอนทาแล วก็ รี ดทำขยุ กขยิ กก็ ดี อยู บ าง แต จะว าเปนนวดนั้ น ไม ได ไม สำเร็ จกิ จการนวด นวดทั่ วทั้ งแขนทั้ งขาแลสี ข าง ที่ สี ข าง มี ทุ บตามบุ ญตามกรรม แต ของมั นเสมอดี ความดี ที่ มั นทำนั้ นไม ใช เพราะหนั กได แรงอะไร แต มั นถู กเส นเสมอพอแล วสำเร็ จก็ เปน อั นแต งตั วกลั บได เท านั้ น...” ในพระราชหั ตถเลขาฉบั บที่ ๒๐ คื นที่ ๖๖ ลงวั นที่ ๓๑ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๒๖ (พ.ศ.๒๔๕๐) ทรงบั นทึ กไว ว าได เสด็ จฯ ไปทรงอาบน้ ำแร ที่ เมื องบาเดนบาเดน ประเทศเยอรมนี ตามคำ กราบบั งคมทู ลถวายคำแนะนำของโปรเฟสเซอร ฟ สเตอร ทรงเล า ถึ งสภาพและบรรยากาศของโรงอาบน้ ำแร ไว ว า
Powered by FlippingBook