ผูเขียนเคยนึกสงสัยวาไทยเรียกลิงมาแตครั้งไร คนดูจากหลักศิลาจารึกครั้งสุโขทัยก็ไมพบ บางที จะเรียกวา “วอก” มากอน จึงเรียกปนักษัตรวา เปงวอก และ วอกหรมาน ที่นาสังเกตก็คือ ในสมัยสุโขทัยใชคำวา วานร ซึ่งเปนภาษาสันสกฤต ชวนใหคิดวาจะรับอิทธิพล มาจากเรื่องรามายณะ แตคำวา “วานร” นักปราชญ หลายทานไดอธิบายวาไมไดหมายถึง “ลิง” ในเรื่อง “พงศาวดารการศึกสงครามของพระรามาวตาร” ของ “ยี อี เยรินี” (G.E.Gerini) ไดอธิบายวา “ดุจหนึ่งคำวา ชาติวานร ก็ไมควรเขาใจวาเปน ชาติวานร คือลิงสัตวเดรัจฉานแทๆ คือเปนแตคำพวก ชาวอินเดียเรียกชาวปาอยางหนึ่งวาชาติวานร... นักปราชญผูรูภาษาสันสกฤตก็อธิบายวา วานร คำนั้น แปลไดสองอยางคือ ชาววัน หรือ ชาวปา อยางหนึ่ง วา แปลวา เหมือน กับ นะระ แปลวา คน รวมความ แปลวา เหมือนคนหรือชาติคลายคน คืออธิบายวา เปนมนุษยชาติชาวปาที่สมมุติเรียกเปรียบกันมาแตกอน วาพวกชาติวานร ดังนั้นแทๆ” สรุปวาชาวอินเดียสมัยดึกดำบรรพเรียกคนปา พวกหนึ่งวา วานร และเขายังเชื่ออีกวาหนุมานไมใชลิง แตเปนมนุษยที่มีหางอยางลิง (Hanuman who was not a monkey, but a monkey tail person.) และเชื่อวา ในเวลานี้หนุมานก็ยังมีชีวิตอยู (เรื่องหนุมานตามทัศนะ ของอินเดียมีเรื่องมาก ถาตองการทราบจะหาโอกาส เลาตอไป)
ตามจดหมายเหตุของจีนกลาววา จีนรูจักลิง มาแตครั้งดึกดำบรรพ เปนสัตวที่คุนเคยกับคนมาก มีตำนานเลาวาเมื่อครั้งพระเจาซิหวั่งตี่สรางปอม ปราการขนาดใหญและพระราชวัง ตองใชหินกอน ใหญๆ จากหัวบานหัวเมืองไกลๆ ใชคนงานมากมาย คนงานไดรับความลำบากยากแคนมาก และเพื่อเปน การบำรุงใจคนงาน ก็โปรดใหนำลิงจำนวนมากมา ผูกติดกับเกวียน ใหคนคนลากเกวียนติดตามขบวน ขนหินไปดวย พวกลิงเหลานี้ก็แสดงทาทางทำตลก คะนองใหพวกคนงานดู ทำใหพวกขนหินคลายความ เหน็ดเหนื่อยไปไดบาง เขาใจวาญี่ปุนคงรูเรื่องนี้ เพราะมีเรื่องทำนอง เดียวกันคือ ในสมัยจักรพรรดิกัมมู เมื่อ ค.ศ. ๗๙๔ (พ.ศ. ๑๓๓๗) พระจักรพรรดิทรงยายจากนครยามาโต ไปยัง นครเกียวโต การสรางพระราชวังใหมตองใช คนงานมาก และเพื่อใหคนงานมีสิ่งบันเทิงใจ จึงได จัดลิงเปนกองเชียร ใหลิงแตละตัวสวมหมวกของ ขาราชการในราชสำนัก แลวเตนไปรอบๆ บางก็ถอด หมวกโยนไปมา บางก็ตีลังกาหกคะเมนใหคนงานดู พวกคนงานก็ไดรับความสนุกสนานเพลิดเพลิน จนลืมความเหน็ดเหนื่อย นี่ก็เปนเรื่องใชลิงใหเปน ประโยชนในสมัยโบราณ รูปลิงของญี่ปุนที่มีชื่อเสียงก็คือ รูปแกะไมเปนรูป ลิงสามตัว ตัวหนึ่งเอามือปดตา ตัวหนึ่งเอามือปดหู และอีกตัวหนึ่งเอามือปดปาก มีคำอธิบายวา ที่เอามือ ปดตาทั้งสองขางก็เพื่อไมใหดูสิ่งที่ชั่วรายหรือมองอะไร ในแงราย ที่เอามือปดหูก็เพื่อจะไดไมฟงเรื่องที่ชั่วราย และเอามือปดปากก็เพื่อจะไดไมพูดในสิ่งที่ไมดีไมงาม ไมเปนมงคลทั้งหลาย ที่โลกวุนวายอยูทุกวันนี้ ก็เพราะ การเห็น การฟง การพูด เปนเหตุใหเกิดความเขาใจผิด อะไรตางๆ รูปลิงสามตัวจึงเปนเครื่องเตือนใจคนที่ พบเห็นไดเปนอยางดี แมคนที่ไมรูหนังสือก็เขาใจได นอกจากนี้ คนญี่ปุนยังเชื่อวารูปลิงเปนเครื่องราง ปองกันพวกตาราย (Evil eyes) หรือภูตผี มิใหมารบกวน เด็ก คือเขาจะทำรูปลิงดวยผา ไม หรือดิน ใหเปน เครื่องเลนของเด็ก และเสื้อผาที่เด็กสวมใสก็จะมีรูปลิง ติดอยูทางดานหลังดวย เชื่อกันวาเปนเครื่องรางของขลัง ใชขับไลภูตผีปศาจได
Powered by FlippingBook